ต่อภาพแบบผ่านสาย
การเชื่อมต่อภาพออกสู่ทีวีของบรรดาโทรศัพท์แอนดรอยด์นั้น มีการเชื่อมต่ออยู่หลายทางครับ แล้วแต่รุ่นแล้วแต่ยี่ห้อโดยทั่วไปในปัจจุปันจะเป็นการต่อผ่านทางสาย HDMI เป็นหลัก ในบางรุ่นมีพอร์ตเชื่อมต่อจากตัวโทรศัพท์เป็นชนิด HDMI มาให้เลย แต่อาจจะมีแยกเป็นหลายขนาด (HDMI/MINI HDMI/MICRO HDMI) แต่มาตราฐานการใช้งานเดียวกัน ซื้อสายมาใช้ให้ตรงขนาด เสียบปั๊บภาพก็ขึ้นไปบนจอทีวีทันทีเลย
แต่เครื่องบางรุ่นก็มีเป็นพอร์ตเฉพาะของรุ่นตัวเองเช่นของ Samsung หรือ HTC มักจะใช้พอร์ตเชื่อมต่อที่ชื่อว่า MHL (Mobile High-Defination Link) ซึ่งเป็นพอร์ตแบบใหม่ ที่พัฒนาต่อจาก HDMI ในเรื่องของความสามารถชาร์จไฟเข้าตัวโทรศัพท์ในขณะที่เชื่อมต่อผ่านสาย HDMI ไปพร้อมกัน แต่พอร์ตระบบนี้ยังไม่มีทีวีที่รองรับออกมาขายในท้องตลาดมากนัก ซึ่งทางผู้ผลิตก็จะมีอุปกรณ์เสริมที่ใช้แปลงหัวสายจาก พอร์ต MHL เป็น HDMI ธรรมดา เพื่อต่อกับทีวีทั่วไปนำออกมาจำหน่าย ถ้าเราเห็นในการแจ้งรายละเอียดของสเปคเครื่องว่า มีพอร์ต MHL นั้นก็หมายความว่า ต่อได้กับเครื่องทีวีที่มีพอร์ต HDMI เหมือนกันครับ แต่ต้องอาศัยหัวแปลงเล็กน้อย
การเชื่อมต่อผ่านสายของแอนดรอยด์นั้น มักจะเป็นการส่งภาพที่เหมือนกันกับทางตัวเครื่องโทรศัพท์ไปยังทีวีโดยตรง โทรศัพท์แสดงภาพอะไรอยู่ บนทีวีก็จะเป็นภาพนั้นเช่นกัน



ปัจจุปัน เกมบนสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ส่วนใหญ่ ก็ยังคงเน้นเป็นมินิเกมเล่นง่ายๆ สบายๆ ครับ ถึงอย่างงั้นเกมภาพระดับ HD ก็มีให้เล่นอยู่เยอะเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเกมจากค่าย Gameloft, EA, Glu หรือเกมใน Tegra zOne จาก Nvidia เกมจากค่ายใหญ่ๆ พวกนี้มักจะเป็นเกมที่มีความละเอียดของภาพสูงกว่า 480P ขึ้นไป การต่อภาพผ่านสาย HDMI ขึ้นสู่จอภาพขนาดใหญ่ไม่มีปัญหาแน่นอนเรื่องความคมชัด โดยในความเป็นจริงเกมของแอนดรอยด์ทั่วไป ความละเอียดของภาพก็ออกแบบมาที่ระดับ 480P เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว เพราะเป็นมาตราฐานของหน้าจอสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ในปัจจุปันครับ ความละเอียดระดับนี้ก็เทียบเท่าได้กับภาพจากเครื่องเล่น DVD หรือเครื่องเล่นเกม Wii นั้นเอง ฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องภาพที่ต่อออกจอทีวีจะหยาบจนรับไม่ได้

การเชื่อมต่อภาพออกทีวีของสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ยังมีในรูปแบบไร้สายอีกด้วยครับ โดยจะอาศัยเทคโนโลยีที่เรียกว่า DLNA (Digital Living Network Alliance) sinvการเชื่อมต่อสัญญาณภาพผ่านสัญญาณเครือข่าย Wi-Fi นั้นเองหลายคนอาจจะเคยได้ยินคำนี้จากข่าวคราวฉาวในรัฐสภาไทยเมื่อปีก่อน มันคือเทคโนโลยีที่สามารถส่ง ภาพ เพลง หนัง คลิป จากแหล่งข้อมูลหนึ่ง ไปแสดงยังจอแสงผลในเครือข่าย Wi-Fi เดียวกัน ขอแค่ทั้งคู่เป็นอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี DLNA เท่านั้น
แล้วส่วนใหญ่เจ้าสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นใหญ่ มันจะมี DLNA อยู่ภายในเครื่องกันทั้งนั้นด้วยสิครับ ^^ อย่างที่ผมบอก แอนดรอยด์สามารถต่อภาพเข้าทีวีได้แทบทุกเครื่องด้วยเทคโนโลยีนี้และครับ แต่นั้นต้องอยู่ที่ภาครับ หรือตัวทีวีเองที่ต้องเป็นจำพวก สมาร์ททีวี นั้นเองครับ
โดยไม่จำเป็นเลยว่าเครื่องสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ของเรา ทางผู้ผลิตจะบอกว่ารองรับระบบ DLNA หรือเปล่า เพราะขอแค่อุปกรณ์นั้นๆ รองรับการเชื่อมต่ Wi-Fi ได้ ก็สามารถใช้ DLNA ได้ ต่างกันแค่รุ่นที่ทางผู้ผลิตแจ้งว่ารองรับ ได้มีการใส่ตัวจัดการ DLNA มาให้ในเครื่องแล้ว และสำหรับเครื่องที่ไม่มี ก็แค่โหลดแอปพลิเคชั่นที่ใช้งาน DLNA มาจากใน Playstore เพียงเท่านั้นก็สามารถใช้งานได้เหมือนกันทุกประการแล้วครับ


การเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์เสริม
มีคนเคยมาถามคำถามผมว่า “หน้าจอตอนเล่นเกมจะแชร์ผ่าน DLNA ได้หรือไม่?” อันนี้ต้องบอกว่า พิเศษหน่อยครับ เพราะในตอนนี้ยังไม่มีโปรแกรม DLNA ตัวใดที่สามารถดึงหน้าจอขณะเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ ขึ้นจอทีวีแบบไร้สายผ่านเทคโลยี DLNA ได้ครับ แต่! มีอุปกรณ์สำหรับสมาร์ทโฟนที่มีเอาไว้ใช้ในงานลักษณะนี้ได้ครับ มันคืออุปกรณ์แชร์ภาพขึ้นจอทีวี ที่ปลายค่ายมือถือ เขาทำมาขายเพิ่มเติมเป็นอุปกรณ์ให้กับเครื่องสมาร์ทโฟนของเขา เช่น Media Link HD ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ร่วมกันกับเครื่องสมาร์ทโฟนของ HTC หรือ Allshare Dongle ที่ใช้งานร่วมกันกับทางเครื่อง Smart Phone Samsung เป็นต้น


และอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ มักจะมีจุดที่พิเศษ เช่นการเรียกใช้งานตัว Media link ด้วยเครื่อง HTC ONE (X) ทาง HTC ออกแบบมาได้เลิศมากๆ ครับ แค่เพียงเราลากนิ้วสามนิ้วปัดขึ้นพร้อมกันที่หน้าจอของ HTC ONE แค่นี้ก็จะเป็นการแสกนและเชื่อมต่อกับตัว Media link โดยทันที เมื่อเชื่อมต่อสำเร็จแล้วการแสดงผลหน้าจอของ ONE X ก็จะเปลี่ยนแกนการทำงานเป็นแนวนอนโดยอัตโนมัติ เพื่อให้เข้ากันกับความกว้างหน้าจอแบบไวด์สกรีนของโทรทัศน์ และถ้าเราต้องการจะตัดการเชื่อมต่อ เราก็แค่เอาสามนิ้วลากลงพร้อมกันที่หน้าจอของ ONE เหมือนควักอะไรสักอย่างเข้าหาตัวนั้นแหละ ประมาณอารมณ์ “ภาพจอของฉันจงกลับเข้ามา ณ บัดนี้” แหม เลิศ ! ส่วนราคาค่าตัวเจ้า Media link HD ก็ประมาณ 3,800 บาท ครับ
ด้วยความที่มันมีจุดเด่นของการเชื่อมต่อ DLNA อยู่ด้วย เราจึงสามารถทำงานแบบเบื้องหลังในขณะส่งข้อมูลได้เช่นการเชื่อมต่อไร้สายครับ อย่างในขณะที่เรากำลังส่งคลิปวีดีโอขึ้นจอทีวีด้วยโปรแกรม DLNA ผ่านตัว Media link ตัวโทรศัพท์ของเราไม่จำเป็นต้องอยู่ในโหมดการเล่นวีดีโอตลอดเวลา สามารถกลับออกมาสู่หน้าแสตนบาย เพื่อใช้งานด้านอื่นๆ ของตัวโทรศัพท์ตามปกติได้ตลอดเวลาเช่นกัน แน่นอนความสามารถนี้ส่วนใหญ่จะรองรับการส่งข้อมูลในสามรูปแบบเหมือนการเชื่อมต่อไร้สาย นั้นคือ คลิปวีดีโอ เพลง และภาพครับ
เหล่านี้ก็คือการเชื่อมต่อภาพระหว่างอุปกรณ์สมาร์ทโฟนกับอุปกรณ์สมาร์ททีวี หรือสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ที่เราคงต้องเปิดรับข้อมูลตรงนี้กันซักหน่อย ก่อนจะตกยุคตกสมัย การเชื่อมต่อไร้สายทำได้มากขึ้นทุกๆ ที และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอุปกรณ์สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่นับวัน เครื่องราคาต่ำๆ ก็มีความสามารถมากพอจะมารองรับการใช้งานในจุดนี้ได้หลายรุ่นแล้วด้วยครับ เลยนำมาเป็นข้อมูลเผื่อจะพอมีประโยชน์กับเพื่อนๆ กันไม่มากก็น้อย
เหล่านี้ก็คือการเชื่อมต่อภาพระหว่างอุปกรณ์สมาร์ทโฟนกับอุปกรณ์สมาร์ททีวี หรือสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ที่เราคงต้องเปิดรับข้อมูลตรงนี้กันซักหน่อย ก่อนจะตกยุคตกสมัย การเชื่อมต่อไร้สายทำได้มากขึ้นทุกๆ ที และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอุปกรณ์สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่นับวัน เครื่องราคาต่ำๆ ก็มีความสามารถมากพอจะมารองรับการใช้งานในจุดนี้ได้หลายรุ่นแล้วด้วยครับ เลยนำมาเป็นข้อมูลเผื่อจะพอมีประโยชน์กับเพื่อนๆ กันไม่มากก็น้อย
*อย่าลืมกด Like หรือแชร์ บอกต่อเพื่อน ๆ ด้วยนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น